วันศุกร์ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ประวัติส่วนตัว








ประว้ติส่วนตัว
 ชื่อ-นามสกุล  นายเสรี  เนียะแก้ว
วันเดือนปีเกิด 4 กันยายน 2517
ที่อยู่  69/1 ม.2 ต.บางกระเบา อ.นครชัยศรี จ. นครปฐม 73120
อาชีพ ครู สถานที่ทำงาน โรงเรียน ยอเซฟอุปถัมถ์
วุฒิการศึกษา ปริญญาตรี มหาลัยศรีนคริณทรวิโรจน์ประสานมิตร

ข้อสอบก่อนเรียน

 ข้อสอบก่อนเรียนเรียน
จงเลือกคำตอบที่ถูกที่สุด
1. ชื่อที่นิยมเรียกเฉพาะ gametophyte ของเฟิร์นคือ
1. thallus
2. prothallus
3. protonema
4. indusium
2. sporophyte ของมอสมีลักษณะพิเศษคือ
1. อาศัยอยู่บน gametophyte ตลอดเวลา
2. อาศัยอยู่บน gametophyte ระยะแรกของการเจริญเติบโต
3. อยู่เป็นอิสระบนพื้นดิน
4. มีช่วงชีวิตเป็นแบบ diploid ยาวนาน
3. ความหมายของ “double fertilization” ที่เกิดในดอกไม้หมายถึง
1. การผสมของ 2 sperm nuclei กับ egg nucleus
2. การผสมระหว่าง egg และ sperm ที่เกิดขึ้น 2 ครั้ง
3. การผสมที่ทำให้เกิด embryo และ cotyledon ในเมล็ด
4. การผสมที่ทำให้เกิด embryo และ endosperm ในเมล็ด
4. ข้อความใดต่อไปนี้ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการสืบพันธ์ที่ไม่มีเพศ
1. สามารถสืบพันธ์ได้ด้วยตัวเอง
2. มีการรวมนิวเคลียสเกิดขึ้น
3. ลูกที่เกิดมามีลักษณะเหมือนกับพ่อแม่
4. ลูกที่เกิดมาต่างก็มีลักษณะเหมือนกันทั้งหมด
5. endosperm เกิดมาจาก
1. fertilized gee
2. fertilized polar nuclei
3. female gametophyte
4. scutellum
6. ใบเฟิร์นที่นำมาใช้จัดแจกันได้มาจาก
1. haploid sporophyte
2. haploid gametophyte
3. diploid sporophyte
4. diploid gametophyte
7. ตัวอย่างพืชที่มีการปฏิสนธิซ้อนได้แก่
1. มอส และ เฟิร์นก้านดำ
2. จอก และ แหน
3. ผักกูด และ ผักแว่น
4. ปรง และ สนสองใบ
8. ถุงเอ็มบริโอของพืชมีดอกเทียบได้กับโครงสร้างใดของพวกเฟิร์น
1. แกมีโทไฟต์
2. ไซโกต
3. อวัยวะสร้างเซลล์สืบพันธ์เพศเมีย
4. อับสปอร์
9. การสืบพันแบบไม่อาศัยเพศ แบบใดที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการดำรงชีวิตบนบก
1. การแบ่งออกเป็นสองส่วนเท่าๆกัน
2. การสร้างสปอร์
3. การแตกหน่อ
4. 1 หรือ 2 หรือ 3 ก็ได้
10. เมกะสปอร์ของพืชดอกจะแบ่งนิวเคลียสเป็นจำนวน
1. 2
2. 3
3. 4
4. 8


เฉลย
1. ตอบ 2. เพราะเรามักเรียกแกมีโทไฟต์ของเฟิร์นว่า protallus เพราะมีลักษณะเป็นแผ่นเล็กๆแบนๆเป็นรูปหัวใจ
2. ตอบ 1. เพราะสปอร์โรไฟต์ของมอสจะเจริญอยู่บนต้นแกมีโทไฟต์ตลอดชีวิตโดยมีลักษณะเป็นก้านชูอับสปอร์
3. ตอบ 4. เพราะ double fertilization จะพบในพืชดอกเท่านั้นโดยมีการผสมระหว่างนิวเคลียสตัวที่ 1 เข้าผสมกับเซลล์ไข่ได้ไซโกต
4. ตอบ 2. เพราะการสืบพันธ์แบบไม่อาศัยเพศจะไม่มีการรวมกันของนิวเคลียสคือไม่มีการปฏิสนธินั่นเอง
5. ตอบ 2. เพราะเอนโดสเปิร์มมีโครโมโซม 3n เกดจากการผสมของสเปิร์มตัวที่ 2 กับโพลาร์บอดี้ซึ่งอยู่ตรงกลางเซลล์
6. ตอบ 3. เพราะต้นเฟิร์นที่เราเห็นกันทั่วไปเป็นต้นสปอโรไฟต์ซึ่งมีโครโมโซม 2n ดังนั้นใบเฟิร์นที่เรานำมาจัดแจกันจึงมีโครโมโซม 2n ด้วย
7. ตอบ 2. เพราะจอกและแหนเป็นพืชดอกจึงมีการปฏิสนธิซ้อน
8. ตอบ 3. เพราะภายในเอ็มบริโอของพืชดอกจะมีไข่อยู่เช่นเดียวกับอวัยวะสร้างเซลล์สืบพันธ์เพศเมียของเฟิร์นเพราะมีไข่อยู่เช่นกัน
9. ตอบ 2. เพราะการสร้างสปอร์จะเหมาะสมที่สุดในสภาพแวดล้อมบนบกเพราะสามารถสร้างได้ครั้งละมากๆและจะทนต่อสภาพบนบกได้ดี
10. ตอบ 4. เพราะ เมกะสปอร์ของพืชดอกจะแบ่งได้ติดต่อกันสามครั้งทำให้ได้ 8 นิวเคลียส

การสืบพันธุ์ของพืช

การสืบพันธุ์ของพืช
การสืบพันธุ์
การสืบพันธุ์   คือ การสร้างชีวิตใหม่จากสิ่งมีชีวิตเดิม เพื่อดำรงสืบพันธุ์ไป  เป็นกระบวนการที่ทำให้สิ่งมีชีวิตอยู่ได้อย่างต่อเนื่อง                  
 การสืบพันธุ์ของพืชโดยทั่วไปแบ่งออกเป็น2 แบบ คือ
1. การสืบพันธุ์แบบอาศัยไม่เพศ (Asexual reproduction) เป็นการสืบพันธุ์ที่ไม่ต้องใช้เซลล์  สืบพันธุ์ แต่ใช่ส่วนอื่นๆขยายพันธุ์แทน เช่น
-การแตกหน่อ (budding) ได้แก่  หน่อกล้วย  ไผ่  กล้วยไม้ เป็นต้น
-การสร้างสปอร์ (sporeformation) ได้แก่  มอส  เฟิร์น เป็นต้น
-การตอนกิ่ง (marcotting) ได้แก่  กุหลาบ  มะม่วง ส้ม  เงาะ  เป็นต้น
-การติดตา (budding) ได้แก่  กุหลาบ  ยางพารา เป็นต้น
-การทาบกิ่ง (grafting) ได้แก่  มะม่วง  ทุเรียน เป็นต้น
-การปักชำ (cutting) ได้แก่  ชบา  เฟื่องฟ้า เป็นต้น
การแตกต้นใหม่จากส่วนต่างๆของพืช
                2. การสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศ(Sexualreproduction) เป็นการสืบพันธุ์ที่ต้องอาศัยดอก
มีการผสมกันระหว่างเซลล์สืบพันธุ์เพศผู้และเซลล์สืบพันธุ์เพศเมีย  
โครงสร้างของดอก

การจำแนกประเภทของดอกไม้
                ประเภทของดอกไม้สามารถจำแนกออกได้เป็น4 ประเภท  คือ
1.      ดอกสมบูรณ์ (Complete flower)  คือ ดอกไม้ที่มีครบทั้ง 4วงคือ  กลีบเลี้ยง  กลีบดอก เกสรตัวผู้  และเกสรตัวเมีย  เช่น มะเขือ  พริก  ชบา เป็นต้น (ดอกสมบูรณ์ต้องเป็นดอกสมบูรณ์เพศเสมอ)
2.      ดอกสมบูรณ์เพศ (Perfect  flower)  คือดอกที่มีทั้งเกสรตัวผู้และเกสรตัวเมียอยู่ในดอกเดียวกัน  เช่น มะม่วง กุหลาบ  ชบา  เป็นต้น(อาจเป็นดอกสมบูรณ์หรือไม่ก็ได้)
3.      ดอกไม่สมบูรณ์ (Incomplete  flower)  คือ ดอกไม้ที่มีส่วนประกอบไม่ครบทั้ง 4 วง  อาจขาดวงใดวงหนึ่งหรือ 2 วงก็ได้  เช่น กาฝาก  หน้าวัว  ข้าวโพด ตำลึง  เป็นต้น (อาจเป็นดอกสมบูรณ์เพศหรือไม่สมบูรณ์เพศก็ได้)
4.      ดอกไม่สมบูรณ์เพศ (Imperfect  flower)  คือดอกไม้ที่มีแต่เกสรตัวผู้หรือเกสรตัวเมียเพียงอย่างเดียวในแต่ละดอก  เช่น แตง  บวบ  ข้าวโพด เป็นต้น (เป็นดอกไม่สมบูรณ์เสมอ)  
การสร้างเซลล์สืบพันธุ์ของพืชดอก
                การสร้างเซลล์สืบพันธุ์เพศผู้ของพืชดอกจะเกิดขึ้นภายใน อับเรณู (anther)โดยมีไมโครสปอร์มาเทอร์เซลล์ (microspore mother cell) แบ่งเซลล์แบบไมโอซิสได้4 ไมโครสปอร์(microspore) แต่ละเซลล์มีโครโมโซมเท่ากับn
หลังจากนั้นนิวเคลียสของไมโครสปอร์จะแบ่งแบบไมโทซิส ได้ 2 นิวเคลียสคือ เจเนอเรทิฟนิวเคลียส (generativenucleus) และทิวบ์นิวเคลียส (tube nucleus) เรียกเซลล์ในระยะนี้ว่า ละอองเรณู(pollen grain)หรือแกมีโทไฟต์เพศผู้ (male gametophyte) ละอองเรณูจะมีผนังหนาผนังชั้นนอกอาจมีผิวเรียบหรือเป็นหนามเล็กๆแตกต่างกันออกไปตามแต่ละชนิดของพืชเมื่อละอองเรณู

แก่เต็มท ี่อับเรณู
เรณูจะแตกออกทำให้ละอองเรณูกระจายออกไปพร้อมที่จะผสมพันธุ์ต่อไปได้
                การสร้างเซลล์สืบพันธุ์เพศเมียของพืชดอกเกิดขึ้นภายในรังไข่ภายในรังไข่อาจมีหนึ่งออวุล (ovule) หรือหลายออวุลภายในออวุลมีหลายเซลล์ แต่จะมีเซลล์หนึ่งที่มีขนาดใหญ่ เรียกว่า เมกะสปอร์มาเทอร์เซลล์(megaspore mother cell)มีจำนวนโครโมโซม 2ต่อมาจะแบ่งเซลล์แบบไมโอซิสได้4 เซลล์สลายไป 3 เซลล์ เหลือ 1 เซลล์ เรียกว่า เมกะสปอร์ (megaspore) หลังจากนั้นนิวเคลียสของเมกะสปอร์จะแบ่งแบบไมโทซิส3 ครั้ง ได้ 8 นิวเคลียส และมีไซโทพลาซึมล้อมรอบ เป็น 7เซลล์    3 เซลล์อยู่ตรงข้ามกับไมโครไพล์  (micropyle) เรียกว่า แอนติแดล (antipodals)ตรงกลาง 1 เซลล์มี 2 นิวเคลียสเรียก เซลล์โพลาร์นิวคลีไอ(polar nuclei cell)ด้านไมโครไพล์มี 3 เซลล์ ตรงกลางเป็นเซลล์ไข่ (eggcell) และ2 ข้างเรียก ซินเนอร์จิดส์(synergids) ในระยะนี้ 1 เมกะสปอร์ได้พัฒนามาเป็นแกมีโทไฟต์ที่เรียกว่า ถุงเอ็มบริโอ (embryo sac) หรือ
แกมีโทไฟต์เพศเมีย 
(female gametophyte)
    การเจริญเติบโตของพืช
การเจริญเติบโตของพืช  คือ  การเพิ่มขนาดของพืช  ซึ่งประกอบด้วยกระบวนการสำคัญ 
3   กระบวนการ 
คือ 1. การเพิ่มจำนวนเซลล์
      2. การขยายขนาดของเซลล์
      3.การเปลี่ยนแปลงรูปร่างของเซลล์เพื่อทำหน้าที่เฉพาะ
ประกอบด้วยส่วนสำคัญ  คือ
1. เปลือกหุ้มเมล็ด(seed coat)  อยู่ชั้นนอกสุดของเมล็ด  ป้องกันอันตรายให้เมล็ด
      2. เอนโดสเปิร์ม (endosperm)  ทำหน้าที่ สะสมอาหารพวกแป้ง  โปรตีน  ไขมัน และน้ำตาล  ไว้เลี้ยงต้นอ่อนในเมล็ด
       3.ต้นอ่อน(embryo) คือ ส่วนที่เจริญไปเป็นต้นอ่อน ประกอบด้วย
                - ใบเลี้ยง(cotyledon) ทำหน้าที่  สะสมอาหารให้ต้นอ่อน
                -  ส่วนของต้นอ่อนที่อยู่เหนือใบเลี้ยง(epicotyl) จะเจริญไปเป็นลำต้นส่วนบน กิ่ง  ก้าน  ใบ  ส่วนปลายสุดเรียกว่า ยอดแรกเกิด (plumule)
                -  ส่วนของต้นอ่อนที่อยู่ใต้ใบเลี้ยง(hypocotyl)  จะเจริญไปเป็นลำต้นส่วนล่าง  ส่วนปลายสุดที่อยู่ใต้ใบเลี้ยงเรียกว่า  รากแรกเกิด (radicle)ซึ่งจะกลายเป็นรากแก้วต่อไป
                     รากแรกเกิดจะงอกออกมาทางรอยแผลเป็น (raphae) ซึ่งบริเวณนี้จะมีรูที่เรียกว่า  ไมโครไพล์ (micropyle)เป็นทางงอกของเมล็ด
ปัจจัยที่มีต่อการงอกของเมล็ด
1. น้ำ                                      2.ออกซิเจน                                          3.อุณหภูมิที่พอเหมาะ                                            

 การตอบสนองต่อสิ่งเร้า
การตอบสนองต่อสิ่งเร้าของพืช มีปัจจัยหลัก 2 ประการ ดังนี้
1. การเคลื่อนไหวเนื่องจากการเจริญเติบโต  แบ่งได้ 2 ลักษณะ  คือ
            1.1 การเคลื่อนไหวแบบอัตโนวัติ(Autonomic movement) ซึ่งเกิดจากสิ่งเร้าภายในคือฮอร์โมนออกซิน  ขณะเจริญเติบโตปลายยอดจะแกว่งวนเป็นวงหรือโยกไปมาเรียกว่า นิวเตชัน(nutation)หรือในพืชบางชนิดลำต้นจะบิดเป็นเกลียวช้าๆและเป็นเกลียวถาวรเรียกว่า  สไปรอล(spiral
movement) พบในพืชพวกตำลึง  บวบ ฟักทอง
            1.2 การเคลื่อนไหวแบบพาราโทนิก(Paratonic movement)เกิดจากสิ่งเร้าภายนอก เช่น อุณหภูมิ  แสงสว่าง แรงโน้มถ่วงของโลก หรือสารเคมีบางอย่างมาทำให้พืชเกิดการเจริญเติบโตไม่เท่ากัน
                        - การเคลื่อนไหวแบบนาสติก(Nastic movement)เป็นการเคลื่อนไหวแบบมีทิศทางไม่สัมพันธ์กับสิ่งเร้า
                        -การเคลื่อนไหวแบบทรอปิซึม(Tropism)  เป็นการเคลื่อนไหวแบบมีทิศทางสัมพันธ์กับสิ่งเร้า
2. การเคลื่อนไหวเนื่องจากแรงดันเต่ง(Turgormovement)
            เกิดจากการมีน้ำเข้าไปทำให้เซลล์เต่งหรือเนื่องจากการสูญเสียน้ำออกไปทำให้แรงดันเต่งลดลง เช่น  ต้นไมยราบจะหุบใบถ้ามีการกระเทือนเกิดขึ้นหรือถ้าเราไปสัมผัส
ตรงโคนก้านใบและโคนก้านใบย่อยจะมีกลุ่มเซลล์ชนิดหนึ่งรวมเป็นกระเปาะเรียกว่า  พัลวินัส(pulvinus)เมื่อมีสิ่งใดมาสัมผัสจะมีผลให้แรงดันเต่งลดลงอย่างรวดเร็ว  ใบจึงหุบทันที
            พืชพวกกระถิน จามจุรี  และใบพืชตระกูลถั่วอย่างอื่นจะหุบใบในตอนพลบค่ำเพราะเมื่อความเข้มของแสงลดลง จะเกิดการเปลี่ยนแปลงแรงดันเต่งของกลุ่มเซลล์ด้านบนและด้านล่างของโคนก้านใบและแผ่นใบทำให้ใบหุบ  หรือที่เรียกกันว่า ต้นไม้รู้นอน
            พืชบางชนิดสามารถจับแมลงเป็นอาหารได้  เช่น ต้นกาบหอยแคง 

 
  ต้นกาบหอยแครง
***แหล่งที่มา***
- http://nd-biology.tripod.com/mysite/nd_biology_17.html

ข้อสอบหลังเรียน

 ข้อสอบหลังเรียน
จงเลือกคำตอบที่ถูกที่สุด
1. ชื่อที่นิยมเรียกเฉพาะ gametophyte ของเฟิร์นคือ
1. thallus 
2. prothallus
3. protonema 
4. indusium
2. sporophyte ของมอสมีลักษณะพิเศษคือ
1. อาศัยอยู่บน gametophyte ตลอดเวลา
2. อาศัยอยู่บน gametophyte ระยะแรกของการเจริญเติบโต
3. อยู่เป็นอิสระบนพื้นดิน
4. มีช่วงชีวิตเป็นแบบ diploid ยาวนาน
3. ความหมายของ “double fertilization” ที่เกิดในดอกไม้หมายถึง
1. การผสมของ 2 sperm nuclei กับ egg nucleus 
2. การผสมระหว่าง egg และ sperm ที่เกิดขึ้น 2 ครั้ง
3. การผสมที่ทำให้เกิด embryo และ cotyledon ในเมล็ด
4. การผสมที่ทำให้เกิด embryo และ endosperm ในเมล็ด
4. ข้อความใดต่อไปนี้ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการสืบพันธ์ที่ไม่มีเพศ
1. สามารถสืบพันธ์ได้ด้วยตัวเอง
2. มีการรวมนิวเคลียสเกิดขึ้น
3. ลูกที่เกิดมามีลักษณะเหมือนกับพ่อแม่
4. ลูกที่เกิดมาต่างก็มีลักษณะเหมือนกันทั้งหมด
5. endosperm เกิดมาจาก
1. fertilized gee 
2. fertilized polar nuclei
3. female gametophyte 
4. scutellum
6. ใบเฟิร์นที่นำมาใช้จัดแจกันได้มาจาก
1. haploid sporophyte 
2. haploid gametophyte
3. diploid sporophyte 
4. diploid gametophyte
7. ตัวอย่างพืชที่มีการปฏิสนธิซ้อนได้แก่
1. มอส และ เฟิร์นก้านดำ 
2. จอก และ แหน
3. ผักกูด และ ผักแว่น 
4. ปรง และ สนสองใบ
8. ถุงเอ็มบริโอของพืชมีดอกเทียบได้กับโครงสร้างใดของพวกเฟิร์น
1. แกมีโทไฟต์
2. ไซโกต
3. อวัยวะสร้างเซลล์สืบพันธ์เพศเมีย
4. อับสปอร์
9. การสืบพันแบบไม่อาศัยเพศ แบบใดที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการดำรงชีวิตบนบก
1. การแบ่งออกเป็นสองส่วนเท่าๆกัน
2. การสร้างสปอร์
3. การแตกหน่อ
4. 1 หรือ 2 หรือ 3 ก็ได้
10. เมกะสปอร์ของพืชดอกจะแบ่งนิวเคลียสเป็นจำนวน
1. 2 
2. 3
3. 4 
4. 8


เฉลย
1. ตอบ 2. เพราะเรามักเรียกแกมีโทไฟต์ของเฟิร์นว่า protallus เพราะมีลักษณะเป็นแผ่นเล็กๆแบนๆเป็นรูปหัวใจ
2. ตอบ 1. เพราะสปอร์โรไฟต์ของมอสจะเจริญอยู่บนต้นแกมีโทไฟต์ตลอดชีวิตโดยมีลักษณะเป็นก้านชูอับสปอร์
3. ตอบ 4. เพราะ double fertilization จะพบในพืชดอกเท่านั้นโดยมีการผสมระหว่างนิวเคลียสตัวที่ 1 เข้าผสมกับเซลล์ไข่ได้ไซโกต
4. ตอบ 2. เพราะการสืบพันธ์แบบไม่อาศัยเพศจะไม่มีการรวมกันของนิวเคลียสคือไม่มีการปฏิสนธินั่นเอง
5. ตอบ 2. เพราะเอนโดสเปิร์มมีโครโมโซม 3n เกดจากการผสมของสเปิร์มตัวที่ 2 กับโพลาร์บอดี้ซึ่งอยู่ตรงกลางเซลล์
6. ตอบ 3. เพราะต้นเฟิร์นที่เราเห็นกันทั่วไปเป็นต้นสปอโรไฟต์ซึ่งมีโครโมโซม 2n ดังนั้นใบเฟิร์นที่เรานำมาจัดแจกันจึงมีโครโมโซม 2n ด้วย
7. ตอบ 2. เพราะจอกและแหนเป็นพืชดอกจึงมีการปฏิสนธิซ้อน
8. ตอบ 3. เพราะภายในเอ็มบริโอของพืชดอกจะมีไข่อยู่เช่นเดียวกับอวัยวะสร้างเซลล์สืบพันธ์เพศเมียของเฟิร์นเพราะมีไข่อยู่เช่นกัน
9. ตอบ 2. เพราะการสร้างสปอร์จะเหมาะสมที่สุดในสภาพแวดล้อมบนบกเพราะสามารถสร้างได้ครั้งละมากๆและจะทนต่อสภาพบนบกได้ดี
10. ตอบ 4. เพราะ เมกะสปอร์ของพืชดอกจะแบ่งได้ติดต่อกันสามครั้งทำให้ได้ 8 นิวเคลียส